วันหนึ่งขณะนั่งรถไฟฟ้าไปทำธุระ เป็นวันที่คนไม่ค่อยหนาแน่นเท่าไร เมื่อได้ที่นั่งก็หยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน ตามประสาคนเมืองทั่วๆไป สร้างโลกส่วนตัวขึ้นทันที รถไฟก็จอดสถานีหนึ่งใกล้ๆกับโรงพยาบาลซึ่งเป็นสถานีใหญ่ที่มีคนขึ้นมาก ข้าพเจ้ารู้สึกว่ามีคนมายืนที่ตรงหน้า แต่ด้วยความที่ไม่สนใจและไม่ได้ใส่ใจที่จะมอง สายตาของข้าพเจ้ายังคงจับจ้องอยู่ที่หนังสือที่กำลังอ่านอยู่ และในชั่วครู่นั้นเอง คนที่นั่งข้างข้าพเจ้าก็ลุกขึ้นให้ที่นั่งกับใครคนหนึ่ง วินาทีนั้นข้าพเจ้าละสายตาจากหนังสือ เงยหน้าขึ้นดูเล็กน้อย และคนที่มานั่งข้างๆข้าพเจ้า คือคนที่เมื่อสักครู่ยืนอยู่ตรงหน้าข้าพเจ้า สิ่งที่สายตาของข้าพเจ้ามองเห็นก็คือ ชายคนหนึ่งที่ขาทั้งบาดเจ็บโดยมีไม้ค้ำอยู่ทั้งสองข้าง พร้อมในมือถือถุงยา และกระเป๋า
วินาทีนั่นเองจิตสำนึกผิดชอบมันฟ้องขึ้นมาในจิตใจว่า เราควรจะเป็นคนนั้นที่ให้ที่นั่งกับเขา เขายืนอยู่ตรงหน้าเรา ทำไมเราไม่มองเขาสักนิด ทำไมเราไม่ใส่ใจ อย่างไรก็ดีชายคนนี้ก็ได้รับการหยิบยืนความช่วยเหลือ แต่ที่มันน่าละอายใจก็คือความช่วยเหลือนั้นมันไม่ได้มาจากเรา
ข้าพเจ้ามัวแต่สาละวนกับตัวเอง มองข้ามความจำเป็น และความต้องการของคนอื่น ข้าพเจ้าพลาดโอกาสที่จะไ้ด้หยิบยืนการช่วยเหลือให้กับใครสักคนหนึ่งที่ต้องการ
ไม่แปลกใจที่เราจะเห็นว่าน้ำใจในสังคมมันเริ่มหดหายลงไปทุกที อาจไม่ใช่ว่าคนเราใจร้าย แต่อาจเป็นเพราะว่า...
เราใส่ใจคนอื่นน้อยลง
เรามัวสาละวนกับความต้องการของตนเอง
เรามีสิ่งอำนวยความสะดวกมากขึ้น
แต่เราช่วยเหลือกันน้อยลง
เรามีการสื่อสารที่ดีขึ้น
แต่เราคุยกันน้อยลง
สังคมเรามันคงจะน่าอยู่มากขึ้น หากเราหันมาใส่ใจซึ่งกันและกัน ลองมองดูรอบๆตัวเราสักหน่อย อาจจะมีใครสักคนที่ต้องความช่วยเหลือจากเรา
"Strangers are just family you have yet to come to know" Mitch Albom
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น